มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาของคาร์ซีท ได้แก่:
- คุณภาพและวัสดุ: วัสดุและวิธีการสร้างคุณภาพสูงสามารถเพิ่มราคาของคาร์ซีทได้ เนื่องจากอาจให้ความปลอดภัย ความทนทาน และความสะดวกสบายที่ดีขึ้น
- คุณสมบัติและการทำงาน: คุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น พนักพิงศีรษะแบบปรับได้ ที่วางแก้วในตัว และระบบสายรัดสามารถเพิ่มราคาของคาร์ซีทได้
- ชื่อเสียงของตราสินค้า: ตราสินค้ายอดนิยมและเป็นที่รู้จักอาจมีราคาที่สูงกว่าเนื่องจากคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ
- ประเภทของคาร์ซีท: คาร์ซีทประเภทต่างๆ เช่น คาร์ซีทสำหรับทารก คาร์ซีทแบบเปิดประทุน และบูสเตอร์ซีท มีจุดราคาที่แตกต่างกันตามการออกแบบและการใช้งาน
- ความพร้อมใช้งานและความต้องการ: ความพร้อมใช้งานที่จำกัดและความต้องการสูงสำหรับเบาะรถยนต์บางชนิดอาจทำให้ราคาสูงขึ้นได้
- ข้อบังคับของรัฐบาลและมาตรฐานความปลอดภัย: ผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งสามารถเพิ่มต้นทุนการผลิตและส่งผลกระทบต่อราคาของเบาะรถยนต์ได้
โดยรวมแล้ว คาร์ซีท ราคา อาจแตกต่างกันมากตามปัจจัยเหล่านี้และความต้องการในขณะนั้น
มาตรฐานคาร์ซีท
มาตรฐานคาร์ซีทของประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของ ISO (International Organization for Standardization) และ TISI (Thai Industrial Standards Institute) ซึ่งเป็นสถาบันรับรองมาตรฐานสินค้าและบริการในประเทศไทย
ตามมาตรฐานของ TISI มีกำหนดว่าคาร์ซีทจะต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการผลิตรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่นหรือสหรัฐอเมริกา โดยมีการทดสอบความปลอดภัยของผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักไม่เกิน 36 กิโลกรัม และมีส่วนประกอบที่สามารถถอดออกได้ ทั้งนี้เพื่อให้คาร์ซีทมีความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ใช้งาน
นอกจากนี้ สำหรับคาร์ซีทเด็ก มาตรฐานความปลอดภัยจะต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐานของสมาคมสินค้าเด็กและเด็กแรกเกิด (Juvenile Products Manufacturers Association, JPMA) และผ่านการทดสอบตามมาตรฐานของกองทุนส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติ (National Health Foundation) ซึ่งรวมถึงการทดสอบเกี่ยวกับความปลอดภัยและความสามารถในการป้องกันอุบัติเหตุของคาร์ซีทด้วย