เทคนิคการอ่านหนังสือเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง

ประโยชน์ของการอ่านหนังสือเพื่อให้ประสบความสำเร็จ

  • เพิ่มพูนความรู้
  • ช่วยให้คุณมีสมาธิ สุขุมและจิตใจสงบนิ่ง
  • ทำให้คุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
  • ช่วยพัฒนาทักษะในการสื่อสาร ทั้งการอ่าน เขียน และมีประโยชน์ให้เรานำไปใช้พูดสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • แต่ปัญหาที่หลายๆ คนมักจะพบเจอเวลาอ่านหนังสือ
  • ไม่มีสมาธิ เมื่ออ่านไปนานๆ มักจะเสียสมาธิไปทางอื่น ทำให้อ่านหนังสือไม่จบเสียที จึงเกิดอาการท้อและเลิกล้มการอ่านไปเสียก่อน
  • จับประเด็นที่อ่านไม่ได้ ลืมสิ่งที่อ่านมา
  • อ่านไปมากมาย แต่หาวิธีนำมาใช้ประโยชน์หรือเชื่อมโยงในชีวิตประจำวันไม่ได้
  • รู้สึกเบื่อหน่ายได้ง่ายเนื่องจากไม่ได้สนใจในเนื้อหาที่อ่านจริงๆ
  • รู้สึกมีเวลาจำกัดในการอ่าน เนื่องจากภาระงานในแต่ละวัน
  • ดังนั้นเพื่อที่จะนำการอ่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์จริงเราต้องเริ่มจากสิ่งสำคัญต่อไปนี้

มีเป้าหมายในการอ่าน

เทคนิคการอ่านหนังสือให้ประสบความสำเร็จ สำคัญที่สุดคือเตรียมความพร้อมก่อนอ่าน ก็ช่วยสร้างความตั้งใจในการเริ่มต้นอ่านได้ดี โดยเริ่มจากการตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าเราอยากได้อะไรจากการอ่านในครั้งนี้ เช่น วัตถุประสงค์การอ่านเพื่อต้องการนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาที่สงสัยในการทำงาน หรือ ต้องการหาความรู้เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาตนเอง
ดังนั้นการเริ่มจากการมุ่งประเด็นหลักในเรื่องที่เราสนใจอยากรู้ และสิ่งที่จะนำไปใช้ประโยชน์ตรงตามความต้องการของเราจริงๆ จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการอ่านได้เป็นอย่างดี

การเลือกเนื้อหาที่สนใจและจับใจความหลัก

ซึ่งการฝึกอ่านแบบจับประเด็นสำคัญ ช่วยให้เราสามารถเข้าใจภาพรวมของเนื้อหาของเรื่องที่อ่าน ทำให้ไม่ต้องอ่านไปแบบไม่มีจุดหมายหรือเลื่อนลอย ช่วยเรื่องการคิดวิเคราะห์ให้เป็นระบบ การเริ่มจากอ่านสารบัญ คำโปรย คำนำ คำนิยม ฯลฯ จะช่วยให้เราคาดคะเนถึงหนังสือที่จะอ่านได้แบบคร่าวๆ ว่าหนังสือเล่มนี้จะให้อะไรแก่เราบ้าง

สร้างความอยากรู้

ระหว่างการอ่านลองค้นหาว่าสิ่งใดในหนังสือที่เรารู้แล้ว และสิ่งยังมีสิ่งใดที่เรายังไม่รู้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจในการอ่าน ลองเปรียบเทียบกับหนังสือเล่มต่างๆ ที่เราเคยอ่านมาจะทำให้เราสนุกในการอ่านจากการได้คิดวิเคราะห์ไปด้วย

แบ่งเวลาการอ่านเป็นช่วงเวลาสั้นๆ

เนื่องจากการอ่านหนังสือนานๆ อาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและเบื่อหน่าย โดยช่วงแรกอาจจะตั้งช่วงเวลาการอ่านสั้นๆ เช่น 10-15 นาที แล้วพัก วิธีนี้จะช่วยให้เราจดจ่อในสิ่งที่เราอ่านได้ดีขึ้น และยังช่วยให้เราสามารถบริหารความจำได้ดียิ่งขึ้น

รู้ถึงปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการอ่าน

เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและตรงจุด ว่าปัญหาตรงส่วนไหนที่ทำให้เราล้มเลิกหรือเป็นตัวขัดขวางให้เราอ่านหนังสือไม่สำเร็จ เช่น สภาพแวดล้อมในการอ่าน ตารางเวลาการอ่านที่ไม่เหมาะสมในแต่ละวัน ความง่วง สื่อโซเชียล เป็นต้น อาจมีการแบ่งเวลาและวางแผนเพื่อให้การอ่านหนังสืออยู่ในชีวิตประจำวันของเราในช่วงเวลาที่เหมาะสม อ่านวันละส่วนในเรื่องสำคัญที่สนใจก่อน ก็จะทำเกิดความสม่ำเสมอในทุกๆ วัน ทำให้มีกำลังใจในการอ่านมากขึ้น

อ่านหนังสือที่เรามีพื้นฐานในเรื่องนั้นๆ

การอ่านหนังสือบางชนิดมีความยากเกินไป ทำให้อ่านแล้วไม่เข้าใจ ดังนั้นวิธีแก้คือให้ไปหาหนังสือที่เป็นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนั้นหรือง่ายกว่านั้นดังคำกล่าวที่ว่า
“ หนังสือคือเพื่อนที่เงียบและมั่นคงมากที่สุด เป็นที่ปรึกษาที่เข้าถึงได้ง่ายและรอบรู้ที่สุด และเป็นครูที่อดทนที่สุด ” Charles William Elliot อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัย

เชื่อมโยงเนื้อหาที่อ่านเพื่อการจดจำ

วิธีการอ่านเพื่อช่วยให้ทำความเข้าใจและจดจำได้ง่าย คือเชื่อมโยงสิ่งที่อ่านให้เข้ากับประสบการณ์ส่วนตัว หรือสิ่งที่คุ้นเคย เพื่อให้เราเข้าใจได้ง่าย มีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่อ่าน หรือจะใช้การจินตนาการเป็นภาพระหว่างอ่าน เพื่อให้เรามองเห็นเป็นภาพชัดเจนทุกครั้งที่นึกถึง ทำให้ไม่ลืมง่าย หรืออาจจะมีการเชื่อมโยง keyword ของเรื่องที่อ่านเข้าด้วยกัน จะช่วยให้เราจดจำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การนำความรู้จากการอ่านไปใช้ให้เกิดประโยชน์

เมื่อได้อ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้ว สิ่งสำคัญนั้นคือผู้อ่านนั้นจะต้องทราบวิธีการที่จะดึงสิ่งที่เรารู้ออกมาใช้ในการสื่อสารให้ได้ด้วย สามารถที่จะฝึกฝนและนำมาถ่ายทอดด้วยภาษาที่เข้าใจได้ง่าย โดยเน้นประเด็นสำคัญทีละเรื่องและตรงประเด็น เป็นประโยชน์กับผู้รับสาร เพื่อให้ผู้ฟังมีสมาธิและตั้งใจฟังมากขึ้น ดังนั้นการอ่านหนังสือใดๆ แล้วสามารถที่จะนำมาสรุปให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย จะช่วยพัฒนาทักษะในเรื่องของการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ อีกทั้งเรื่องการสื่อสารและพัฒนาความจำให้ดียิ่งขึ้น

การอ่านจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ทำให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่สำคัญยิ่งในยุคปัจจุบันที่ความรู้เปิดกว้าง ข้อมูลต่างๆ มีมากมาย และยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายจากหลายแหล่ง มีความจำเป็นต้องศึกษาใส่ใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอ
ดังนั้นการอ่านให้เป็นและมีประสิทธิภาพ จึงมีความสำคัญ ที่จะช่วยให้เรา สามารถนำสิ่งที่อ่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ช่วยฝึกให้คิดวิเคราะห์แก้ปัญหาและสื่อสารได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้งยังต่อยอดนำสิ่งที่อ่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่

หากอยากประสบความสำเร็จ แบ่งเวลาอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาทักษะและแนวความคิด พิสูจน์แล้วจากผู้ประสบความสำเร็จที่ส่วนใหญ่จะเป็นนักอ่าน

 

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/en/reading-habits-make-you-successful